วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Alcohol

เหตุผลที่ผู้หญิงไม่ควรดื่มเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

ไม่ว่าจะในอดตีหรือปัจจุบันเรายังพบว่ามีผู้หญิงดื่มเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประเภทเหล้า เบียร์ ไวน์ หรือแม้แต่ยาดองให้เห็นอยู่เสมอ และมีแนวโน้มว่าผู้หญิงเริ่มต้นดื่มเหล้าในช่วงอายุที่น้อยลงเรื่อย ๆ หรือเริ่มดื่มตั้งแต่วัยเรียน ซึ่งเหตุผลในการดื่มเหล้าของผู้หญิงมีด้วยกันหลายเหตุผล และการดื่มเหล้าก็ส่งผลต่อผู้หญิงในแบบที่ต่าง ๆ กัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการดื่มเหล้า ปริมาณการดื่มเหล้า การตอบสนองของร่างกายที่มีต่อเหล้า แต่ทั้งหมดนี้ก็ส่งผลที่คล้ายกันคือ ส่งผลต่อสภาพร่างกาย จิตใจ และสมอง


วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Dark Chocolate

รู้หรือไม่ว่า ดาร์กช็อกโกแลต ทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้

รสชาติขม ๆ หวาน ๆ ของอาหารชนิดนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายของคุณหลั่ง "เอ็นดอร์ฟิน" สารสื่อประสาทแห่งความสุขออกมา คุณก็เลยรู้สึก "ฟิน" สุด ๆ…ยิ่งเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของผงโกโก้สูงก็ยิ่งฟิน !

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Do you know ?

คุณรู้หรือไม่ว่า ?

พริกรู้สึกไหมว่าเวลากินอาหารเผ็ด ๆ จะอารมณ์ดีขึ้น? นั่นก็เป็นเพราะสารให้ความเผ็ดที่ชื่อ แคปไซซิน จะส่งสัญญาณให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขเอ็นดอร์ฟินออกมานั่นเอง แต่ก็ควรระวังอย่ากินเผ็ดมากจนเกินไปนัก เพราะอาจทำท้องไส้ปั่นป่วนได้

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Feel good with Tea

ประโยชน์ดีๆจากชา 

เวลาอยากสงบอารมณ์ปรี๊ด ๆ ลองหาชาอุ่น ๆ มาจิบสักแก้ว นอกจากกลิ่นหอมของชาจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของคุณได้แล้ว คาเฟอีนและกรดอะมิโน L-Theanine ยังเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในทำนองเดียวกัน แต่ควรงดเติมนมหรือน้ำตาลลงในชาจึงจะได้ประโยชน์เต็มที่ 

Good mood with Banana

เคยได้ยินแต่คนพูดว่าเรื่อง กล้วยๆ วันนี้ก็เลยเอาเรื่องกล้วยมาฝากนะ 

กล้วย มีครบทั้งคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยขจัดความเหนื่อยล้า สารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม สังกะสี และแมกนีเซียม ซึ่งสามารถลดอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ และปรับความแปรปรวนของอารมณ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนได้อีกด้วย 

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Avocado

เคยสงสัยไหมอะโวคาโดมีดีอะไร 

มีทั้งวิตามินบี และกรดอะมิโนทริปโตฟานซึ่งมีส่วนในการสร้างเซโรโทนิน และโฟเลต ซึ่งจากการสำรวจผู้หญิงกว่า 50% กินโฟเลตน้อยเกินไป จึงทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และหงุดหงิดง่าย

รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมให้ อะโวคาโดเป็น 1 ในตัวเลือกของผลไม้นะ 

Spinach

วันนี้เรามารู้จักประโยชน์ของผักโขมที่เราชอบกินกัน ไม่ว่าจะมาในแบบ ลาซานญ่า หรือผักโขมอบชีสสสสสส "

ผักโขมนั้นมีโฟเลตซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างเซโรโทนิน ช่วยให้อารมณ์ของเราอยู่ในระดับปกติ ทั้งยังมีแมกนีเซียมที่ช่วยลดความกังวล ความเครียด และความเสี่ยงในการเกิดภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย โดยควรกินผักใบเขียววันละหนึ่งกำมือใหญ่ ๆ เป็นอย่างน้อยแค่นี้ก็มีทั้งความสุขแล้ว

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Yolk VS Albumen

เคยสงสัยไหมว่าในไข่ขาวและไข่แดงมีอะไรอยู่บ้างและมีประโยชน์อย่างไร ?


ในไข่ขาวจะมีโปรตีนสูง และเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง คือมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย(Essentil aminoacid)
ส่วนในไข่แดงจะมีสารอาหารหลายชนิด ได้แก่โปรตีน ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุ 
           ไขมันในไข่แดงส่วนใหญ่จะเป็นไขมันไม่อิ่มตัว รวมถึงomega-3 ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว ที่ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งมีคุณค่าเหมือนไขมันในปลาแซลมอลและปลาทะเล ส่วนคลอเรสเตอรอลจะมีเฉพาะในไข่แดง ไม่มีในไข่ขาว 


สารอาหารอื่นได้แก่ ธาตุเหล็ก โฟลิก(Folic acid) ไรโบเฟลวิน(Riboflavin) โคลีน (choline) วิตามินเอ บี ดี และ อี วิตามินที่ไม่พบในไข่คือ วิตามินซี
ธาตุเหล็กในไข่ มีคุณค่าเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์ แต่เคี้ยวง่ายไม่เหนียวเหมือนเนื้อสัตว์ จึงเหมาะสมกับเด็กทารก และคนสูงอายุที่มีปัญหาเรื่องฟัน
โฟลิก เป็นสารที่ป้องกันเลือดจาง และป้องกันความพิการแต่กำเนิด มีความจำเป็นในหญิงที่ตั้งครรภ์
โคลีน(Choline) เป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างความจำ(Cognitive function) ช่วยพัฒนาการในเด็กที่กำลังเติบโต


             จะเห็นได้ว่าไข่เป็นอาหารที่มีคุณค่ามาก ให้สารอาหารที่เกือบครบถ้วน ในขณะที่ราคาถูกกว่าอาหารอื่นๆที่มีคุณค่าทางอาหารเท่ากัน สามารถทำเป็นอาหารได้หลายชนิด

Have you ever wonder what we get from eggs ?

เคยสงไหมใครกิน " ไข่ " แล้วได้อะไรบ้าง

ในไข่นั้นเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารทั้งโปรตีน กรดไขมันโอเมก้า-3 และ โอเมก้า-6 เซเลเนียม วิตามินดี และยังมีสาร Cholin ที่สำคัญอย่างมากต่อสมอง และทริปโตฟาน ที่มีส่วนช่วยในกระบวนการผลิตเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสงบด้วย

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Wow !!! crab & shell


ประโยชน์จากปูและหอย 

ในเนื้อปูและหอยจะมี free amino acid 10 กว่าชนิ ที่สำคัญ ได้แก่ กรดกลูตามิก, Glycine, Proline, Histidine
Arginine เป็นต้น นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วย วิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง บีสาม ซี และดี 

ที่สำคัญในหอยนางรมยังมีสารประกอบสำคัญที่เรียกว่า เทารีน (Taurine ) และมีแร่ธาตุสังกะสี อยู่มาก
ซึ่งสารสองตัวนี้จะทำงานร่วมกัน และมีผลต่อการส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศได้อย่างดี

 อิอิ

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Skin healthy from Squid

ประโยชน์จากปลาหมึก 

ในปลาหมึกจะมีกรดไขมัน กลุ่มโอเมก้า 3 อยู่สูงมาก แม้ว่าปลาหมึกจะมีโคเลสเตอรอลสูง 

แต่โอเมก้า 3 ที่มีอยู่ในปลาหมึกนั้นจะไปช่วยต่อต้านไม่ให้ร่างกายมีโคเลสเตอรอลสูงขึ้นได้ และยังพบว่า 

คลอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในปลาหมึกนั้นจะ
ช่วยให้ผิวหนังแต่งตึง ใบหน้าไม่เหี่ยวย่น  อีกด้วย



>o< อยากให้น่าตาดูอวบอิ่มอย่าลืมทานปลาหมึกบ้างนะฮัฟ

Eat Squid To Stay Young

Healthy from Fish

ประโยชน์จากเนื้อปลา

ในเนื้อปลาจะอุดมไปด้วยโปรตีน และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยมีส่วนช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย ทำให้ไม่อ่อนเพลียง่าย ไม่แก่ก่อนวัย ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวลอยู่เสมอ และเนื้อปลายังย่อยง่ายไขมันน้อยจึงทำให้ไม่อ้วน นอกจากนี้ในปลาทะเลยังมีสาร ดีเอชเอ (DHA) สูง ซึ่งสารนี้มีความจำเป็นต่อการพัฒนาระบบของสมอง ทำให้การทำงานระบบของสมองดีอีกด้วย

อย่าลืมให้ปลาเป็นตัวเลือกสำหรับเมื้อเช้านะครับ >o<

Shrimp

ประโยชน์จากกุ้ง

แม้ว่าหลายคนจะคิดว่ากุ้งมี โคเลสเตอรอลสูง แต่จริงๆแล้วโคเลสเตอรอลที่พบในกุ้งนั้นเป็นโคเรสเตอรอลชนิดที่ดี 
มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย และกุ้งยังอุดมไปด้วย แร่ธาตุ โปรตีน และ คาร์โบไฮเดรต 

ซึ่งช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สดชื่น กระปรี้กระเปร่า และแคลเซียมที่อยู่ในเปลือกกุ้งยังสามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงอีกด้วย

รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมไปหากุ้งมาทานเป็นมื้อเย็นกันนะจ๊ะ

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Sea Food


สัตว์ทะเลจำพวก กุ้ง กั้ง หอยนางรม และอื่น ๆ มีแร่ธาตุอย่างเซเลเนียม ที่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้ แต่ในทางตรงข้าม หากได้รับไม่เพียงพอ คุณก็จะตกอยู่ในอารมณ์ด้านลบ รวมไปถึงภาวะซึมเศร้าด้วย นอกจากนี้ในอาหารทะเลทุกชนิด จะมี สารไอโอดีนสูงช่วยให้ไม่เป็นโรคคอหอยพอก และยังมี โอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัวอยู่สูง มีผลช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ ป้องกันการเลือดจับตัวเป็นก้อนซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว และยังช่วยพัฒนาสมองและพัฒนาระบบประสาท ก่อให้เกิดผลดีต่อการรักษาโรคความจำเสื่อมได้อีกด้วย

อาหารทะเลมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ ใครที่เป็นโรคแพ้อาหารทะเลน่าเสียดายแย่เลยนะ 

Cherry

เชอร์รี่เปรี้ยว ๆ 

หลับไม่เต็มที่ นอนไม่เต็มอิ่ม เป็นใครก็อารมณ์ไม่ดี ! เชอร์รีเปรี้ยวๆ ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่มีมากกว่าส้มถึง 30-80 เท่า นอกจากจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสชะลอความแก่ และช่วยต้านอนุมูลอิสระและฮอร์โมนเมลาโทนินจากธรรมชาติที่จะช่วยให้คุณเข้าสู่ภาวะหลับลึก 



ดังนั้น ก่อนล้มตัวลงนอนลองกินเชอร์รีสักหนึ่งกำมือ แล้วคุณจะรู้สึกสดชื่นลั้ลลาสุด ๆ ในตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมา >o<


เกร็ดความรู้ ประโยชน์ของเชอร์รี่

1.ประโยชน์ของเชอรี่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
2.ประโยชน์ของเชอรี่ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน
3.ช่วยลดการผลิตเมลานิน จึงมีส่วนช่วยทำให้ผิวคุณขาวขึ้นได้
4.การรับประทานเชอร์รี่จะช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกชดชื่น และเพิ่มความกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
5.ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
6.ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และความแก่
7.สารโพลีฟีนอล (Pholyphenol) ในผลเชอร์รี่ช่วยป้องกันเซลล์ดีเอ็นเอถูกทำลายได้
8.ชอรี่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้
9.สารไลโคพีน (Lycopene) ในผลเชอร์รี่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งมดลูก มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึงร้อยละ 20
10.ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้
11.สารแอนโทไซยานิน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน (รับประทานแต่พอเหมาะ ไม่งั้นจะเป็นเบาหวานซะเอง)
12.ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อหวัด และช่วยรักษาโรคหวัด
13.สรรพคุณของเชอร์รี่ ช่วยป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน
14.ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
15.มีส่วนช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด (Lycopene)
16.ประโยชน์เชอร์รี่ ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ดีกว่าการรับประทานยา ทำให้อารมณ์ดีมีความสุข เพราะมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin)
17.ช่วยลดระดับของไขมันเลว หรือไขมันชนิดร้าย (LDL)
18.เชอร์รี่ สรรพคุณช่วยระบาย และยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
19.สรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวด แพทย์ตะวันตกเรียกเชอร์รี่ว่า “แอสไพรินธรรมชาติ”
20.สรรพคุณเชอร์รี่ ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการเจ็บปวด เนื่องมาจากการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมหนักๆ
21.ช่วยป้องกันและรักษาโรคเกาต์ อาการข้ออักเสบปวดบวมตามข้อ ได้มากถึง 37% หากรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำ
22.ช่วยลดอาการแพ้ต่างๆ รวมไปถึงโรคภูมิแพ้อีกด้วย
23.เชอร์รี่ ประโยชน์ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียต่างๆ
24.ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดความอ่อนล้าจากการออกกำลังกาย
25.ประโยชน์ของเชอร์รี่ นอกจากจะรับประทานเป็นผลไม้สดแล้ว สามารถนำไปคั้นเป็นน้ำเชอร์รี่ก็ได้ หรือจะนำไปทำขนมต่างๆ เช่น แยมเชอร์รี่ พายเชอร์รี่ เชอร์รี่เชื่อม

9 Incredibly food

9 สุดยอดอาหารชวนให้ลั้ลลา

1. เชอร์รีเปรี้ยว ๆ ( Cherry )
2. อาหารทะเล ( Sea food )
3. ไข่แดง ( Yolk )
4. ผักโขม ( Spinach )
5. อะโวคาโด (Avocado)
6. กล้วย ( Banana )
7. ชา ( Tea )
8. พริก ( Chili )
9. ดาร์กช็อกโกแลต
  ( Dark Chocolate)

ลองดูนะครับ แล้วคุณจะรู้ว่านี้แหละ!!
ความลั้ลลา ที่ฉันตามหา ;)

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

8 tricks to reduce sweet


8 ทริคยั้งกินหวาน

1. ทานอาหาร 3 มื้อให้ตรงเวลา และอีก 2 มื้อของว่างที่เป็นผลไม้ เพื่อปรับให้ร่างกายคุ้นเคยกับการรับสารอาหารอย่างเต็มที่ เป็นการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ

2. เลือกทานผักและผลไม้สดเป็นหลัก หากต้องการของหวานมากๆ ก็ให้เน้นทานผลไม้ที่มีรสหวาน เช่น ส้ม มะละกอ แอปเปิ้ล เพราะน้ำตาลจากผลไม้สดจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

3. เปลี่ยนการรับประทานแป้งและคาร์โบไฮเดรตทุกชนิดมาเป็นการทานโปรตีนจากพืชหรือเนื้อสัตว์ให้มากขึ้น

4. กินหรือเพิ่มเครื่องเทศต่างๆ ลงในอาหาร ซึ่งจะช่วยลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดและลดความอยากน้ำตาลได้

5. เก็บของหวานให้ไกลตัวที่สุด หรือถ้าเป็นไปได้ก็อย่าให้มีอยู่ในบ้าน บนโต๊ะทำงาน หรือในกระเป๋าเลย

6. ใช้น้ำตาลธรรมชาติแท้ๆ แทน เช่น น้ำผึ้ง น้ำเชื่อมจากข้าวโพด

7. ดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยลดความอยากทานน้ำตาล

8. อ่านฉลากก่อนทุกครั้งที่จะต้องซื้ออาหารที่มีรสหวาน ถ้าเป็นอาหารชนิดเดียวกันให้ลองเลือกดูจากหลายๆ ยี่ห้อและเทียบปริมาณน้ำตาลดูว่ายี่ห้อไหนมีน้ำตาลน้อยที่สุดก็ให้เลือกยี่ห้อนั้น

อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค (บริโภคนิสัย) ที่ถูกต้องถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก ก็คือ การค่อยๆ ลดน้ำตาล โดยไม่ใช้ความหวานทนแทนในอาหาร จึงเป็นวิธีการบริโภคที่ถูกต้อง สู้ๆนะครับ 

10 Steps to have good dream

10 เคล็ดลับนอนหลับฝันดี

1. พักสมอง
2. ปล่อยให้ท้องว่าง
3. ออกกำลังช่วงเย็น
4. อาบน้ำร้อนก่อนเข้านอน
5. ใช้อุปกรณ์เสริม เช่น 
    ผ้าปิดตา หมอนข้าง
6. กำจัดสิ่งรบกวน
7. กล้วยหอม เมนูคลาสสิก
8. จัดระเบียบห้องนอน
9. นอนและตื่นเป็นเวลา
10. กล่อมตัวเองด้วยเสียงเพลง



เพียงเท่านี้เชื่อได้เลยว่า ตื่นมาพบกับเช้าที่แสนสดใสแน่นอนนะครับ 

Dangerous From Sweet


เคยสงสัยไหมว่า กินหวานเยอะๆแล้วจะเป็นอย่างไร
โดยในคนปกติทั่วไป ควรได้น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม ใน 1 วัน ซึ่งหมายถึง ยิ่งทานให้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพ เนื่องจากคนเราได้รับน้ำตาลทางอ้อมจากอาหารประเภทแป้ง ผักผลไม้อยู่แล้ว และการบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากก็เสี่ยงต่อการเป็น 
  • โรคอ้วน 
  • เบาหวาน 
  • หัวใจ
  • ความดันสูง
  • เส้นโลหิตสมองแตก
ซึ่งล้วนแล้วแต่มาแบบเงียบๆ แต่เป็นอันตรายอย่างมาก

ดังนั้นการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลแล้วทานอาหารที่ใส่สารให้ความหวานแทน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

แค่ลดหวาน สุขภาพก็ดีได้แล้วนะครับ
ของหวานๆ ใครบ้างไม่อยากทาน แต่ถ้าทานกันแบบไม่ยั้งปาก สิ่งสุดท้ายที่คุณจะได้มาก็คือ สารพัดโรคร้ายนะครับ!! T^T

Insomnia

เคยสงสัยไหม ทำไมหลับเต็มอิ่ม
แล้วยังง่วงอีกละเนี่ยยยยยย

ทางเดินหายใจที่ตีบแคบลง เวลานอนจึงทำให้เกิดเสียงกรนนั่นเอง และก็จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาบ่อย ๆ รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง เพื่อหายใจ ส่งผลให้เรารู้สึกเพลียอยู่เหมือนไม่ได้นอนนั่นเอง


คำแนะนำ (Tips)

  • ก่อนเข้านอนควรผ่อนคลายเช่น อาบน้ำ อ่านหนังสือ ฟังเพลง
  • เข้านอนให้ตรงเวลาเดียวกันทุกคืน และตื่นเวลาเดียวกันทุกเช้า
  • ออกกำลังก่อนนอนสัก 3 ชม.
  • ห้ามดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน
  • สร้างบรรยากาศให้เงียบสงบ เย็นสบาย ไม่มีแสงรบกวน

ลองปรับเปลี่ยนดูนะครับ 

9 Steps Being Baby Face

 B-Healthyคุณเคยไหม อ๊ากกกกก อยากหน้าเด็ก อะทำไงดี
นี่เลย วิธีง่าย 9 วิธี ที่จะทำให้ความอยากของคุณเป็นจริง

1. ลดหวาน 
2. ลดหรือเลี่ยงแป้งขัดขาว 
3. กินผักให้มาก
4. กินโปรตีนดีๆ 
5. เติมแบคทีเรียดี ๆ ให้ลำไส้ 
6. เพิ่มโอเมก้า 3 ด้วยน้ำมันตับปลาหรือเนื้อปลาทะเล
7. ดื่มชาเขียวชนิดไร้คาเฟอีน
8. ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ บีบน้ำมะนาวผสมในน้ำด้วย
9. นอนหลับให้เพียงพอ วันละ 8 ชมนะครับ

คุณเคยได้ยินไหมว่า " กินอะไรก็ได้แบบนั้น You are what you eat. "
ถ้าทำได้ล่ะก็ร่างกายจะดีจากภายในสู่ผิวพรรรภายนอก ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ อยู่ในวัยไหนก็ไม่ต้องกังวล 

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

6 ขั้นตอนที่ทำให้คุณอายุยืน ( 6 Steps to Live Longer)

 6 steps to live longer

1.มีสติ รอยคอบ ระมัดระวัง ( Be Cautious )
2.หัวเราะง่าย ( More Laughter )
3.มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ( Good Relationship )
4.มองโลกในแง่ดี ( Positive Thinking )
5.มีความสุขอยู่เสมอ ( Always Enjoy Your Life )
6.ชอบเข้าสังคม ( Socialize )

หากดูจาก 6 ข้อด้านบนจะพบว่า ขั้นตอนเหล่านี้นั้นเป็นเหมือนนิสัย ซึ่งนิสัยเหล่านี้นั้นจะช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งต่างๆในโลกมากขึ้น หลีกเลี่ยงความเครียด ใช้ชีวิตบนความสุขและทัศนคติที่ดี เท่านี้ก็ทำให้สุขทั้งกายและใจ ทำให้สุขภาพดีตามไปด้วยและที่สำคัญ ช่วยให้อายุยืนขึ้นด้วยนะ