วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Yin Yang Style


กินแบบหยิน-หยาง สร้างสมดุล

หลักการอันสวยหรู : ตามติดความเชื่อของลัทธิเต๋า ทุกสิ่งบนโลกต้องมีของคู่กันเสมอเพื่อความสมดุล เช่นเดียวกับอาหารที่มีทั้งหยินและหยาง การเลือกกินอาหารจึงมีผลต่อสภาวะสมดุลของร่างกาย อู้นับถือๆ

แล้วจะกินอย่างไรละ : ในแต่ละมื้อควรเลือกอาหารที่มีทั้ง "หยิน" และ "หยาง" หรือมีความเป็นกรด-ด่างในสัดส่วนที่พอเหมาะ โดยร่างกายแต่ละคนจะมีความเป็นหยินหยางต่างกันไป ถ้ามีความเป็นหยินมาก ก็ควรเลือกกินอาหารประเภทหยางเพื่อให้ร่างกายสมดุล โดยอาหาประเภทหยิน คืออาหารที่เมื่อกินเข้าไปแล้วทำให้รู้สึกเย็นมีรสชาติเค็ม เปรี้ยว และขม รวมถึงอาหารที่ปรุงด้วย การต้ม นึ่ง ตุ๋น ส่วนอาหารจำพวกหยาง คือ อาหารที่ให้ความร้อน มีรสชาติเผ็ด หวาน รวมถึงอาหารที่ปรุงด้วยการย่าง ทอด รมควัน อ๋อแบ่งออกเป็นแบบนี้นี่เอง

ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฎิบัติ : เมื่อหยินและหยางในร่างกายมีความสมดุล การเกิดโรคภัยและความเจ็บป่วย ก็จะน้อยลง ต้องทำแล้วละจะได้ไม่เป็นหวัดบ่อยๆแล้วละ

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Mediterranean Style


กินแบบเมดิเตอร์เรเนียน
                          ห่างไกลหลายโรค

หลักการสวยหรู : มีผลการวิจัยระบุว่าประชากรแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นพวกที่มีสุขภาพดีที่สุดในยุโรป เหตุผลหลักส่วนหนึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากเรื่องอาหาร อันประกอบด้วยปลา ผัก ผลไม้ น้ำมันมะกอกและถั่ว ซึ่งดีต่อหัวใจและสุขภาพร่างกาย น่าสนใจอ่า


แล้วจะกินอย่างไรละ : 
ชาวเมดิเตอร์เรเนียนกินผักและผลไม้หลากหลายชนิดในแต่ละมื้อ กินเนื้อสัตว์ใหญ่น้อย แต่เน้นกินปลา อาหารทะเล ไก่ และถั่วชนิดต่าง ๆ ใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร ที่สำคัญไม่กินเมื้อใดมื้อหนึ่งมากเกินไป ว๊าววววววว ง่ายๆแค่นี้เอง


ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฎิบัติ : อาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิต โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบ รวมทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ทำง่ายๆแถมสุขภาพดีแบบนี้ต้องทำตามซะแล้วละ

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Okinawa Style


กินแบบโอกินาวา สุขภาพดี
หลักการอันสวยหรู : ชาวเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น เป็นกลุ่มคนที่มีอายุยืนที่สุดในโลกเพราะพวกเขามีคำพูดติดปากเสมอว่า "กินอาหารเป็นยา" จึงมักจะคิดให้รอบคอบก่อนกิน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือไม่ตามใจปาก รวมทั้งมีวัฒนธรรมการกินอาหารเกือบอิ่มที่เรียกว่า "ฮาราฮาชิบุ" หรือกินแค่ 8 ใน 10 ส่วน เน้นกินของที่หาได้ตามธรรมชาติและผ่านการปรุงน้อย อู้ๆๆเป็นแบบนี้นี่เองอ๊า

แล้วจะกินอย่างไรละ : ชาวโอกินาวาเน้นกินผักผลไม้ ปลา ทะเล บริโภคเนื้อแดงและผลิตภัณฑ์นมน้อยมาก ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวน้อย กินเกลือก็น้อยมาก วันละไม่ถึง 3ช้อนชา ซึ่งช่วยลดอัตราการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ดี และกินซุปมิโซะก่อนทุกมื้ออาหาร ช่วยเพิ่มพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ทำให้กินได้ไม่มากและไม่อ้วน รวมทั้งกินข้าวแต่ละคำช้า ๆ เคี้ยวนาน ๆ ทำให้รับรู้รสชาติอาหารได้ดี และช่วยให้ไม่กินมากเกินไป O_o!โอ๊ะทำกันอย่างงี้นี่เองอ่ะ

ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฎิบัติ : กินแบบโอกินาวาจะกินแบบพอดี ๆ ไม่อิ่มจนเกินไป ทำให้ระบบการย่อยอาหารไม่ทำงานหนักเกินไป เมื่อกินน้อยจึงพอดีกับร่างกาย ทำให้ไม่อ้วน ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลไม่สูง กินดีสุขภาพดีแบบนี้มีความสุขจังเลย แบบนี้สินะความลับของความสวยของสาวโอกินาวา

Raw Food อาหารพลังชีวิต


Raw Food อาหารพลังชีวิต

หลักการที่สวยหรู : ทฤษฎีนี้เชื่อว่าอาหารสดมีเอนไซม์ช่วยย่อยอยู่ตามธรรมชาติ ถ้าเราปรุงด้วยความร้อน เอนไซม์นั้นจะถูกทำลาย ยิ่งกินอาหารปรุงสุกมาก ๆ ร่างกายจะต้องทำงานหนักจนเกิดปัญหาในระบบการย่อย ทำให้ขาดสารอาหาร แก่ก่อนวัย และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น o_O!!

แล้วเราจะกินอย่างไรละ : Raw Food เน้นผักสด ผลไม้ ต้นอ่อนของเมล็ดพืช โดยไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งทางเคมีใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีแป้งและน้ำตาล ไม่ใช้ความร้อนเกิน 42 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับอุณหภูมิที่เอนไซม์และแบคทีเรียที่ดีในอาหารยังไม่ถูกทำลายไป อืมมมแบบนี้นี่เอง

ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฎิบัติ : นอกเหนือจากจะได้รับสารอาหารและเอนไซม์ที่อยู่ในอาหารอย่างเต็มที่ ยังดีต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย และยังเป็นเหมือนการล้างสารพิษในร่างกายรูปแบบหนึ่งด้วย ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง

น่าลองไปนำไปใช้ดูนะ (>.<)V